---------- Forwarded message ----------
From: wanchai boonpracha <wanchai@familynetwork.or.th>
Date: ต.ค. 15, 2009 7:26 หลังเที่ยง
Subject: ข่าวฆ่าเด็ก
To:
สวัสดีครับ เครือข่ายครอบครัวทุกท่าน
จิตแพทย์แนะสื่อมีจรรยาบรรณเสนอข่าวฆ่าหั่นศพ
คมชัดลึก :นักจิตแพทย์แนะสื่อมีจรรยาบรรณ เสนอข่าวฆ่าหั่นศพดูเรื่องสิทธิเด็กด้วย แถมผลิตซ้ำความรุนแรงไม่ให้อะไรกับสังคมนอกจากสะใจ จี้ตำรวจกันสื่อออกจากเด็กที่เป็นพยานบุคคลไม่ให้เสียรูปคดี ด้านเอ็นจีโอสิทธิเด็กฉะสื่อแย่งเสนอข่าวสัมภาษณ์เด็กลูกเหยื่อรอดชีวิตและลูกผู้ต้องหาผิดกม.คุ้มครองสิทธิเด็ก บี้ตำรวจช่วยสิทธิเด็ก เร่งพม.ผู้ถือกม.จริงจัง
"สื่อมวลชนเองควรจะมีการควบคุมด้านจรรยาบรรณในการนำเสนอข่าวที่จะเป็นผลกระทบกับเด็กและผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีมากกว่านี้ ไม่ใช่แค่การแข่งกันนำเสนอข่าว โดยไม่คำนึงว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับสังคม เพราะท้ายสุดแล้ว สังคมก็ไม่ได้อะไรจากการนำเสนอข่าวลักษณะนี้ นอกจากความสะใจ แม้ว่าในช่วงแรกจะเป็นการอาจรู้สึกสังเวช แต่เมื่อเวลาผ่านไปจะเกิดความชินชาความรุนแรง และเป็นอารมณ์ลุ้นระทึก และตื่นเต้นไปกับการนำเสนอข่าว โดยสังคมไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย "นพ.ยงยุทธ กล่าว
นพ.ยงยุทธ์ กล่าวว่า นอกจากนี้การนำเสนอข่าวลักษณะนี้ตามพ.ร.บ.คุ้มครองสิทธิเด็ก พ.ศ.2546จะต้องมีการคุ้มครองโดยไม่ให้เด็กถูกเปิดเผยหรือให้ข่าวใดๆแม้แต่เสียง แต่ที่ผ่านมาสื่อทุกแขนงต่างรุมกันสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องแม้ว่าจะไม่เห็นหน้า แต่ก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะรูปพ่อที่เป็นผู้ต้องหา หรือรูปแม่ที่ถูกฆาตกรรมปรากฏต่อสื่อมวลชนอยู่ดี ทำให้คนใกล้ชิดคนรู้จักก็ทราบว่าเด็กคนนั้นเป็นใครอยู่ดี ซึ่งมีผลกระทบกับเด็กทางด้านจิตใจ จากการที่สื่อมวลชนรุมสัมภาษณ์ถึงเรื่องราวซ้ำๆ โดยตามแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องจะต้องมีนักจิตวิทยาและนักสังคมสงเคราะห์เข้าบำบัดจิตใจเด็กก่อน
"การนำเสนอข่าวที่ผลิตซ้ำความรุนแรงยังจะทำให้สังคมเกิดความชินชาในสังคม และทำให้ผู้ต้องหาไม่รู้ว่าจะกลายเป็นผู้ร้ายหรือพระเอกในการเดินเรื่องราวสืบสวนสอบสวนที่ชวนให้สังคมติดตามกันแน่ แทนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมีอำนาจหน้าในการดำเนินการสืบสวนสอบสวนให้คดีมีความคืบหน้าต่อไป ขณะเดียวกันต้องกันพยานบุคคลที่เป็นเหยื่อด้วย ไม่ใช่สืบสวนสอบสวนคดีไปพร้อมกับสื่อมวลชน หรือให้สื่อมวลชนทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนแทน ซึ่งขณะนี้กลายเป็นว่าสื่อทำข่าวจนเกินไป ลงลึกในรายละเอียดที่เป็นรูปคดี เหมือนละครฉากใหญ่"นพ.ยงยุทธ์ กล่าว
นายสรรพสิทธิ์ คุมพ์ประพันธ์ ผู้บริหารมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ไม่ควรอย่างมากที่สื่อมวลชนจะแข่งขันกันตามสัมภาษณ์เด็กที่เป็นทั้งเหยื่อและลูกของผู้ต้องหา เพราะตามมาตรา 27 ของพ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ระบุห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาหรือเผยแพร่ทางสื่อมวลชนหรือ สื่อสารสนเทศประเภทใด ซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับตัวเด็กหรือผู้ปกครองโดยเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่จิตใจ ชื่อเสียง เกียรติคุณ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดของเด็ก หรือเพื่อแสวงหาประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และสื่อทุกวันนี้ได้ละเมิดในส่วนนี้
"สื่อมวลชนควรตระหนักว่าไม่ควรทำหน้าที่แทนเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะเรื่องราวที่สื่อมวลชนนำเสนอมีผลต่อรูปคดีอย่างมาก อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีสิทธิในการไม่อนุญาติให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าไปดำเนินการใดๆกับพยานบุคคลที่มีผลต่อรูปคดี และตำรวจจำเป็นต้องกันบุคคลเหล่านี้ให้ไม่เป็นข่าว เพื่อเป็นความลับ ขณะเดียวกันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงขอมนุษย์ในฐานะดูแลรับผิดชอบพ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯต้องจริงจังในเรื่องการคุ้มครองสิทธิเด็กมากกว่านี้"นายสรรพสิทธิ์ กล่าว
--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
chun
http://tham-manamai.blogspot.com /sundara
http://dbd-52hi5com.blogspot.com/ dbd_52
http://thammanamai.blogspot.com/ อายุวัฒนา
http://sunsangfun.blogspot.com/ suntu
http://originality9.blogspot.com/ originality
http://wisdom1951.blogspot.com/ wisdom
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น